รู้จัก KKTS และโครงการรถไฟฟ้ารางเบาขอนแก่น

หมวด 1 : รู้จัก KKTS และโครงการรถไฟฟ้ารางเบาขอนแก่น

  1. บริษัท ขอนแก่น ทรานซิท ซิสเต็ม จำกัด (KKTS) คือใคร ?
    บริษัท ขอนแก่น ทรานซิท ซิสเต็ม จำกัด (Khon Kaen Transit System Co.,Ltd. หรือ KKTS) เป็นบริษัทจำกัดขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นใน จังหวัดขอนแก่น มิใช่บริษัทเอกชน แต่เป็นวิสาหกิจของรัฐที่ จัดตั้งขึ้นโดยมี วัตถุประสงเพื่อกิจการค้าขายอันเป็นสาธารณูปโภค โดยเริ่มภารกิจแรกของบริษัท คือ โครงการขอนแก่น Smart City (ระยะที่ 1) ก่อสร้างระบบขนส่งมวลชนระบบรางเบาสายเหนือ -ใต้ ต้นแบบในเมืองภูมิภาคจังหวัดขอนแก่น เส้นทางนำร่องสายสีแดง (สำราญ -ท่าพระ) ดังนั้น โครงการนี้จึงเป็น “โครงการของชาวขอนแก่นทุกคน” อย่างแท้จริง
  2. บริษัทนี้จัดตั้งถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ ?
    บริษัทจัดตั้งภายใต้พระราชบัญญัติเทศบาล พ.ศ. 2496 (มาตรา 57 ตรี) แก้ไขเพิ่มเติมฉบับที่ 13 พ.ศ.2552 และได้รับอนุมัติจาก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ให้เทศบาลสามารถร่วมกันจัดตั้งบริษัทจำกัดเพื่อดำเนิน กิจการค้าขายอันเป็นสาธารณูปโภค ดังนั้น KKTS จึงเป็น “วิสาหกิจท้องถิ่น” อย่างถูกต้องตามกฎหมาย
  3. ใครเป็นเจ้าของบริษัท KKTS และ โครงการรถไฟฟ้ารางเบานี้ ?
    บริษัทจำกัดและโครงการนี้ เทศบาลในจังหวัดขอนแก่น ถือหุ้นในนามประชาชนในพื้นที่ 100% จึงกล่าวได้ว่า “รถไฟฟ้ารางเบาเป็นของคนขอนแก่น โดยคนขอนแก่น เพื่อคนขอนแก่น”
  4. เทศบาลมีหน้าที่อะไร ต้องบริหารเอง หรือไม่ ?
    เทศบาลเป็นผู้ถือหุ้นบริษัท ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ และมีอำนาจในการกำกับ ดูแลการดำเนินกิจการให้อยู่ภายกรอบนโยบายที่กำหนด และสามารถตรวจสอบบริษัทในนามผู้แทนจากประชาชนผ่านรูปแบบสภาเทศบาล
    เทศบาลในฐานะผู้ถือหุ้นของบริษัท ได้คัดเลือกและแต่งตั้งกรรมการผู้มีประสบก ารณ์ตรง เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน และเป็นผู้ทรงคุณวุฒิในจั งหวัดขอนแก่น เพื่อทำหน้าที่แทนเทศบาลในการบริหารงานและดำเนินกิจการ ให้มีประสิทธิภาพและตรงตามนโยบายที่กำหนดไว้
    ทั้งนี้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ เทศบาลในนามผู้ถือหุ้นบริษัทจำกัด จะจำกัดความรับผิดชอบตามมูลค่าหุ้นที่ถือเท่านั้น และเทศบาลมิได้ใช้งบประมาณภาษีของประชาชน มาชำระค่าหุ้น และหรือเป็นหลักประกันหนี้หรือค้ำหนี้ใด ๆ
  5. รูปแบบการบริหารนี้โปร่งใสกว่ารัฐหรือเอกชนทั่วไปยังไง ?
    ตาม มาตรา 73 แห่งพระราชบัญญัติเทศบาล พ.ศ. 2496 แก้ไขเพิ่มเติมฉบับที่ 13 พ.ศ.2552 กำหนดให้ผู้ว่าราชการจังหวัดในฐานะมีหน้าที่ควบคุมเทศบาลให้ปฏิบัติหน้าที่ตามอำนาจหน้าที่นี้ให้เป็นไปโดยถูกต้องตามรูปแบบขั้นตอน และวิธีการตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องกำหนดไว้ เกิดความคุ้มค่าและประสิทธิภาพเกิดประโยชน์แก่ประชาชนในท้องถิ่น
    บริษัท ขอนแก่น ทรานซิท ซิสเต็ม จำกัด เป็นวิสาหกิจท้องถิ่นที่จัดตั้งขึ้นโดยความร่วมมือของหลายเทศบาลในพื้นที่จังหวัดขอนแก่น ทำให้โครงสร้างความเป็นเจ้าของของบริษัทนี้อยู่ภายใต้การถือหุ้นร่วมกันของภาครัฐท้องถิ่นซึ่งส่งผลให้การตัดสินใจในเรื่องสำคัญต่าง ๆ ต้องผ่านกระบวนการตามมติที่ประชุ มผู้ถือหุ้นอย่างรอบคอบ และสามารถเปิดเผยข้อมูลต่อสาธารณะได้ ทั้งต่อสภาเทศบาลและประชาชนในพื้นที่อย่างโปร่งใส
    การดำเนินกิจการของบริษัทในรูปแบบกึ่งรัฐกึ่งเอกชนนี้ ช่วยให้เกิดความคล่องตัวและยืดหยุ่นมากกว่ารูปแบบการบริหารแบบภาครัฐ ปกติ ขณะเดียวกันยังคงต้องอยู่ ภายใต้การติดตาม ตรวจสอบ และถ่วงดุลจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วน เพื่อให้การบริหารเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและคำนึงถึงประโยชน์ของประชาชนในพื้นที่เป็นสำคัญ
    นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีแผนเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ซึ่งจะอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ช่วยยกระดับมาตรฐานความโปร่งใสและการเปิดเผยข้อมูลสู่ระดับสากล

    สาระสำคัญ
    • การกำกับดูแลร่วมของหลายเทศบาล : ตรวจสอบถ่วงดุลได้จากหลายฝ่าย
    • การตัดสินใจตามมติและเปิดเผยข้อมูล : ตรวจสอบได้โดยสภาเทศบาลและประชาชน
    • แผนเข้าตลาดหลักทรัพย์ : อยู่ภายใต้กฎเกณฑ์การเปิดเผยข้อมูล การตรวจสอบงบการเงินและการกำกับดูแลของ ก.ล.ต.



    หมวด 2 : เรื่องเงิน และ ความโปร่งใสทางการเงิน

  6. เงินลงทุน 24,000ล้านบาท ได้มาจากที่ไหน ใครเป็นผู้ให้กู้ ?เนื่องจากเป็นโครงการขนาดใหญ่ เงินลงทุนสูง จึงมีการจัดการโครงสร้างทางการเงินในรูปแบบเฉพาะ ของโครงการขนาดใหญ่ มีการจัดหาแหล่งเงินทุน โดยใช้เครื่องมือในการกู้เงินที่เรียกว่า “Project Finance”ซึ่งใช้ศักยภาพของโครงการเป็นหลักในการขอกู้เงิน แหล่งเงินทุนจะ มาจากสถาบันการเงินขนาดใหญ่ นักลงทุนสถาบัน ทั้งในและต่างประเทศ รูปแบบการจัดหาเงินทุน นี้ เป็นรูปแบบเดียวกับ กรุงเทพมหานคร ในระยะเริ่มแร กของการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เช่น ทางด่วนและรถไฟฟ้าใต้ดิน เป็นต้น ทั้งนี้การจัดหาแหล่งเงินทุนในโครงการนี้เทศบาลไม่ต้องค้ำประกัน
  7. เทศบาลต้องค้ำประกัน หรือไม่ ?ตาม คำสั่งอนุมัติของรัฐบาลที่เกี่ยวข้องกับการจัดตั้งและดำเนินกิ จการของบริษัท ได้ระบุไว้อย่างชัดเจนว่า “เทศบาลไม่ต้องค้ำประกันการกู้เงินของบริษัท” และนโยบายของเทศบาลในฐานะผู้ถือหุ้นของบริษัท การจัดหาแหล่งเงินทุนของโครงการขอนแก่น Smart City (ระยะที่ 1)ก่อสร้างระบบขนส่งมวลชนระบบรางเบาสายเหนือ -ใต้ ต้นแบบในเมืองภูมิภาคจังหวัดขอนแก่น เส้นทางนำร่องสายสีแดง (สำราญ-ท่าพระ) จะไม่มีการค้ำประกันจากเทศบาลทั้งนี้ บริษัท ขอนแก่น ทรานซิท ซิสเต็ม จำกัด (KKTS) เป็นนิติบุคคลอิสระตามกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ซึ่งมีความรับผิดชอบใน การบริหารความเสี่ยงทางการเงินในนามบริษัท มิใช่ในนามของเทศบาลที่เป็นผู้ถือหุ้น
  8. รูปแบบนี้ต่างจากโครงการรัฐทั่วไป อย่างไร ?รูปแบบการดำเนินงานนี้เน้นการขับเคลื่อนโดยท้องถิ่น เกิดจากความต้องการของคนในพื้นที่ ชาวขอนแก่นร่วมออกแบบโครงการ และบริหารจัดการด้านการเงินด้วยตนเอง ใช้เงินกู้เชิงโครงการ (project -based) แทนการใช้งบประมาณภาครัฐ จึงไม่ใช้ภาษีของประชาชน ไม่เป็นภาระงบประมาณของรัฐ ไม่ก่อหนี้สาธารณะ อีกทั้งยังสามารถตรวจสอบได้ โปร่งใส และดำเนินการได้รวดเร็วยิ่งขึ้น เนื่องจากเป็นเงินของโครงการ
  9. โครงการนี้คุ้มค่าหรือไม่ ?
    มีความคุ้มค่าทั้งด้านการเงินและด้านเศรษฐศาสตร์ โดยโครงการนี้เป็น การลงทุนในระบบขนส่งมวลชนระบบรางเบา และการพัฒนาพื้นที่โดยรอบสถานีขนส่ง (Transit -Oriented Development – TOD) ของจังหวัดขอนแก่น
    ความคุ้มค่าของโครงการ ไม่อาจวัดผลได้เพียงผลตอบแทนทางการเงินเท่านั้น หากแต่ยังหมายถึง “เวลา” ที่ประชาชนสามารถประหยัดได้ในการเดินทาง , “มลพิษ” ที่ลดลงจากการใช้พาหนะส่วนตัวน้อยลง , “เศรษฐกิจท้องถิ่น” ที่มีความเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง เกิดการสร้างงานและ การถ่ายทอดเทคโนโลยีระบบราง สู่ท้องถิ่น รวมถึง “คุณภาพชีวิตของคนในพื้นที่” ที่ดีขึ้นอย่างเป็นระบบ
    กล่าวโดยสรุป ระบบรางเบาอาจไม่ใช่โครงการ ที่ให้ผลตอบแทนสูงสุด แต่จะเป็นรากฐานที่ทำให้เมืองทั้งเมืองแข็งแรง มีอนาคต และเติบโตอย่างยั่งยืน
  10. หากโครงการประสบภาวะขาดทุน จะมีแนวทางดำเนินการอย่างไร ?
    ภาระหนี้จากการดำเนินโครงการจะเป็นความรับผิดชอบของบริษัท ขอนแก่น ทรานซิท ซิสเต็ม จำกัด (KKTS) ซึ่งเป็นนิติบุคคลอิสระ มิได้กระทบต่องบประมาณของเทศบาลแต่อย่างใด บริษัทมีแนวทางรองรับหลายประการ อาทิ การปรับลดความถี่ของรอบรถ การปรับอัตราค่าโดยสารให้เหมาะสม การแสวงหาพันธมิตรเพิ่มเติม รวมถึงการพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์เพื่อเพิ่มร ายได้ ให้เหมาะสมตามสถานการณ์


    หมวด 3 : ประโยชน์ต่อเมือง เทศบาล และ ประชาชน

  11. เทศบาลได้ประโยชน์อะไร จากโครงการนี้ ?
    (1) เครื่องมือใหม่ในการพัฒนาเมืองอย่างเป็นระบบ
    (2) ผลตอบแทนจากการลงทุนตามสมควร
    (3) เสริมภาพลักษณ์ด้านธรรมาภิ บาลและความโปร่งใส ที่สำคัญยิ่งคือ การมีโครงสร้างพื้นฐานสาธารณะเพื่อบรรเทาความเหลื่อมล้ำ และยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนชาวขอนแก่นในระยะยาว
  12. ประชาชนรับประโยชน์อะไร?
    ประชาชนจะได้รับระบบขนส่งมวลชนที่สะดวก ปลอดภัย และประหยัด ช่วยลดการจราจรติดขัดและมลพิษสร้างเศรษฐกิจท้องถิ่น สร้างงานและการถ่ายทอด เทคโนโลยีระบบรางสู่ท้องถิ่น ส่งผลให้คุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่ดีขึ้นอย่างเป็นระบบ
    อีกทั้ง ในการดำเนินงานรูปแบบใหม่นี้เน้นความร่วมมือทุกภาคส่วน ประชาชนสามารถติดตามและร่วมตรวจสอบการดำเนินงานของโครงการได้
    ในระยะต่อไปบริษัทมีแผนจะนำโครงการเข้าสู้ตลาดหลักทรัพย์ (ภายใต้กรอบกฎหมายและหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง) ซึ่งจะเปิดโอกาสให้ประชาชน ท้องถิ่นเข้าร่วมเป็นผู้ถือหุ้น โดยเฉพาะผู้มีรายได้น้อยสามารถซื้อหุ้นในราคาพาร์ เพื่อให้ผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจหมุนเวียนกลับสู่ชุมชน
  13. สังคมได้ประโยชน์อะไร จากรถไฟฟ้ารางเบา ?
    โครงการรถไฟฟ้ารางเบาช่วยยกระดับเมืองให้ทันสมัย น่าอยู่ และเดินทางสะดวก เกิดการหมุนเวียนทางเศรษฐกิจที่ดีขึ้น ผู้ประกอบการ ร้านค้า และพื้นที่รอบสถานีเติบโตอย่างเป็นระบบ พร้อมทั้งเป็นต้นแบบการพัฒนาเมืองที่สามารถถ่ายทอดบทเรียนและขยายผลไปยังพื้นที่อื่นของประเทศได้


    หมวด 4 : เทคนิค บุคลากร และ มาตรฐานสากล

  14. ขอนแก่นพร้อมเรื่องคน หรือไม่ ?
    ขอนแก่นมีความพร้อมด้านบุคลากร และยังพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ประกอบด้วยทีมวิศวกร นักผังเมือง และผู้เชี่ยวชาญด้านคมนาคม รวมถึงคณาจารย์และที่ปรึกษาจากมหาวิทยาลัยขอนแก่น มหาวิทยาลัยราชมงคลอีสานวิทยาเขตขอนแก่น ตลอดจนความร่วมมือจากหน่วยงานกลางที่เกี่ยวข้อง อาทิ การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) กรมการขนส่งทางราง กรมทางหลวง เป็นต้น เพื่อร่วมกำกับ ดูแล และสนับสนุนการดำเนินโครงการอย่างเป็นระบบ
  15. เทคโนโลยีพร้อม หรือไม่ ?
    โครงการมีความพร้อมด้านเทคโนโลยี เป็นอย่างยิ่ง ระบบรถไฟฟ้ารางเบาที่นำมาใช้เป็นเทคโนโลยีที่ได้รับความนิยมและใช้งานจริงในหลายประเทศ อาทิ ญี่ปุ่น จีน และในยุโรป ทีมผู้ออกแบบได้ศึกษาทางเลือกหลากหลายรูปแบบก่อนคัดเลือกแนวทางที่เหมาะสมกับสภาพเมืองขอนแก่นมากที่สุด จึงมิใช่การทดลองเทคโนโลยีใหม่ หากแต่เป็นมาตรฐานที่ผ่านการพิสูจน์แล้ว
  16. ทำไมเลือก “รถรางเบา” ไม่ใช่ โมโนเรล หรือ รถไฟใต้ดิน ?
    การเลือกระบบขนส่งมวลชนแบบรถรางเบา (Light Rail Transit – LRT) เป็นผลจากการพิจารณาความเหมาะสมกับบริบทของเมืองขอนแก่น ทั้งในด้านขนาดเมือง งบประมาณ และโครงสร้างทางกายภาพของพื้นที่ โดยรถรางเบาเป็นระบบที่ มีต้นทุนการก่อสร้างต่ำกว่าระบบโมโนเรลหรือรถไฟใต้ดิน ไม่จำเป็นต้องสร้างโครงสร้างขนาดใหญ่แบบลอยฟ้าหรือใต้ดิน ช่วยรักษาทัศนียภาพของเมืองและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ รถรางเบายังเป็นเทคโนโลยีที่ได้ รับความนิยมอย่างแพร่หลายในต่างประเทศ โดยมีการใช้งานรวมกันมากกว่า 200,000 กิโลเมตรทั่วโลก และเป็นระบบที่ สามารถบำรุงรักษาได้ง่าย มีประสิทธิภาพ และเหมาะสมกับเมืองขนาดกลางเช่นขอนแก่นอย่างยิ่ง
  17. มีการป้องกันความเสี่ยงยังไงบ้าง ?
    โครงการมีมาตรการบริหารความเสี่ ยงอย่างรอบด้าน เพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปอย่างมั่นคงและต่อเนื่องครอบคลุมทุกด้าน ดังนี้
    ด้านการเงิน: กระจายแหล่งเงินกู้และผู้ให้สินเชื่อ เพื่อลดความเสี่ยงเชิงสถาบัน
    ด้านการก่อสร้าง : มีที่ปรึกษามาตรฐานสากลกำกับ ดูแล และตรวจสอบคุณภาพงาน
    ด้านสังคม: เปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นของประชาชนอย่างสม่ำเสมอ และสื่อสารข้อมูลอย่างโปร่งใส
    ด้านธรรมาภิบาล/การเมือง : โครงสร้างบริษัทของเทศบาลมีความเป็นกลาง ไม่ขึ้นกับรัฐบาลชุดใด เน้นระบบกำกับดูแลและความโปร่งใส


    หมวด 5 : แรงบันดาลใจ และ วิสัยทัศน์ระยะยาว

  18. โครงการนี้ใหญ่เกินไปสำหรับเมืองต่างจังหวัดหรือไม่ ?
    ไม่ใหญ่เกินไป แต่เป็น “การคิดไกล” มากกว่า เพราะเมืองใหญ่ทั่วโลกเติบโตจากระบบขนส่งมวลชน หากเรายังใช้เพียงรถสองแถวหรือรถส่วนตัว เมืองจะไม่สามารถพัฒนาได้ทันกับโลก การเริ่มต้นวันนี้คือการสร้างอนาคตที่ยั่งยืนของเมืองขอนแก่น
  19. เหตุใดจึงต้องดำเนินการตอนนี้ ไม่รออีก 10 ปีข้างหน้า ?
    เพราะขอนแก่นกำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว หากปล่อยให้ปัญหาการจราจรสะสมไปมากกว่านี้ การแก้ไขจะยากและมีค่าใช้จ่ายสูงกว่า การลงทุนในเวลานี้จึงเป็นการ “ป้องกันปัญหาในอนาคต” ไม่ใช่เพียงการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า
  20. เหตุใดไม่ให้รัฐบาลกลางหรือการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เป็นผู้ดำเนินการแทน ?
    เพราะหากรอการดำเนินการจากส่วนกลาง พึ่งพางบประมาณจากภาครัฐ อาจต้องใช้เวลาหลายปี แต่คนขอนแก่นต้องการเห็นการพัฒนาอย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง รัฐบาลสามารถให้การสนับสนุนด้านกฎหมายและเทคนิคได้ แต่หัวใจสำคัญของโครงการนี้คือ “การขับเคลื่อนโดยคนท้องถิ่น”
  21. รูปแบบนี้เคยประสบความสำเร็จในที่อื่นหรือไม่ ?
    การดำเนินโครงการรูปแบบนี้มีตัวอย่าง ที่ประสบความสำเร็จ มากมาย เช่น ประเทศญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา และแม้แต่รถไฟฟ้าขนส่งมวลชนในกรุงเทพฯ ช่วงเริ่มต้นก็ใช้โครงสร้างทางการเงินแบบเดียวกัน (Project Finance) ซึ่งพิสูจน์แล้วว่าทำได้จริงและยั่งยืน ขอนแก่นจึงสามารถเดินตามแนวทางนี้ได้อย่างมั่นใจ
  22. ในอนาคตโครงการนี้สามารถต่อยอดได้อีกหรือไม่ ?
    สามารถทำได้แน่นอน เนื่องจากรถรางจะเชื่อมต่อกับรถไฟทางคู่ รถไฟความเร็วสูง รถโดยสารไฟฟ้า (BUS EV) และระบบจักรยานสาธารณะ รวมไปถึงเชื่อมโยมระบบโครงข่ายขนส่งสาธารณะ( Feeder System) เพื่อสร้าง “ระบบขนส่งอัจฉริยะครบวงจร (Smart Mobility)” ของจังหวัดขอนแก่น อีกทั้งยังสามารถต่อยอดสู่การใช้ข้อมูล (Data) และเทคโนโลยีเมืองอัจฉริยะ (Smart City) ได้ในอนาคต


    หมวด 6 : ผลกระทบ และ การดูแลสังคม

  23. โครงการนี้จะส่งผลกระทบต่อประชาชนหรือไม่ ?
    มีทั้งด้านดีและด้านที่ต้องระวัง ด้านดี คือ เมืองจะน่าอยู่ขึ้น เศรษฐกิจหมุนเวียนดีขึ้น ลดมลพิษและการจราจรติดขัด ส่วนด้านที่ต้องระวัง คือ ช่วงก่อสร้างอาจมีฝุ่น เสียง หรือความไม่สะดวกในการสัญจร ทั้งนี้ โครงการต้องจัดทำการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (Environmental Impact Assessment – EIA) เพื่อกำหนดมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อม สุขภาพอนามัย และคุณภาพชีวิ ตของประชาชน ก่อนเริ่มดำเนินโครงการ เพื่อให้เกิดผลกระทบน้อยที่สุด
  24. ระบบนี้ช่วยเหลือเด็ก ผู้สูงอายุ และผู้พิการอย่างไร ?
    รถรางทุกขบวนออกแบบให้ Friendly ต่อทุกคน พื้นรถอยู่ในระดับต่ำ ขึ้น–ลงได้สะดวก มีทางลาดสำหรับวีลแชร์ เสียงประกาศชัดเจน และจอภาพบอกสถานีอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ทุกคนสามารถใช้บริการได้อย่างสะดวกและปลอดภัย ระบบนี้ยังตอบโจทย์สังคมผู้สูงอายุและเมืองแห่งโอกาส ภายใต้แนวคิด “ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง”ซึ่งทั้ง หมดนี้เรียกว่า “Universal Design” ที่มุ่งสร้างการเข้าถึงอย่างเท่าเทียมสำหรับทุกคน
  25. เหตุใดจึงกล่าวว่า “นี่คือโครงการของคนขอนแก่นจริง ๆ”?
    เพราะทุกขั้นตอนตั้งแต่การ ริเริ่มวางแผนเส้นทาง การรับฟังความคิดเห็น การออกแบบ ไปจนถึงการจัดตั้งบริษัท ล้วนเกิดจากการ มีส่วนร่วมของประชาชน เทศบาล และภาคเอกชนในพื้นที่ ไม่มีการบังคับจากส่วนกลาง โครงการนี้จึงเป็น “ของคนขอนแก่น โดยคนขอนแก่น เพื่อคนขอนแก่น” อย่างแท้จริง


    หมวด 7 : คำถามแรง ๆ ที่คนมักสงสัย

  26. เหตุใดขอนแก่นจึงเป็นเมืองแรกที่เริ่มก่อนเมืองอื่น ?
    เพราะขอนแก่นเป็นเมืองแรกที่ภาคประชาชน ภาคธุรกิจ มหาวิทยาลัย องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น “รวมพลังกันลงมือทำ” เพื่อ ตอบโจทย์การพัฒนาเมืองอย่างยั่งยืนและคุณภาพชีวิตของประชาชน นี่คือประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของประเท ศไทย ที่พิสูจน์ว่า เมืองภูมิภาค กล้าคิด กล้าทำ และทำได้จริง ขอนแก่นจึงเป็นต้นแบบของการพัฒนาเมืองโดยคนท้องถิ่นอย่างแท้จริง
  27. โครงการนี้เป็นเพียงการขายฝันหรือไม่ ? กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ได้ประโยชน์ฝ่ายเดียวหรือเปล่า ?
    รถรางเป็นโครงสร้างพื้นฐานของทั้งเมือง ไม่ได้เป็นของกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง แม้อสังหาริมทรัพย์ ตลอดเส้นทางจะมีมูลค่าเพิ่มขึ้น แต่ประชาชนทุกคนก็ได้ประโยชน์จากการเดินทางที่สะดวก ปลอดภัย และค่าโดยสารถูกลง ส่วนผู้ที่ได้ประโยชน์จากที่ดินก็ต้องเสียภาษีเพิ่มให้เทศบาลตามกฎหมาย ถือเป็นระบบที่เป็นธรรมต่อทุกฝ่าย
  28. พ่อค้าและนักธุรกิจในขอนแก่นรวมตัวขายฝัน เมื่อไหร่จะได้เห็นของจริง ?
    บริษัท ขอนแก่น ทรานซิท ซิสเต็ม จำกัด ได้จดทะเบียนจัดตั้ง บริษัท และได้ดำเนินโครงการมาตั้งแต่ ปี 2560 รวมระยะเวลา 8 ปี แม้จะเจออุปสรรคจากส ถานการณ์โรคระบาดโควิด -19 (2563 – 2566) ซึ่งกินระยะเวลาไป 4 ปี และการตรวจสอบจากหน่วยงานของรัฐเรื่อยมา บริษัทยังคงมุ่งมั่นและเดินหน้าอย่างต่อเนื่องเพื่อให้โครงการสำเร็จ โดยเร็ววัน ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการเจรจาการจัดหาแหล่งเงินทุน เพื่อดำเนินโครงการ ทั้งนี้ โครงการขนาดใหญ่ที่เกี่ยวข้องกับโครงสร้ างพื้นฐานของเมือง เป็นโครงการที่มีความซับซ้อนผ่านกระบวนการหลายขั้นตอน ยกตัวอย่าง โครงการรถไฟฟ้าในกรุงเทพฯ สายแรกนั้น ยังใช้เวลา 20 กว่าปีจึงสามารถเปิดให้บริการได้
  29. เมืองต่างจังหวัดแบบนี้ ใครจะให้กู้หรือเชื่อมั่นได้อย่างไร ?
    นักลงทุนเล็งเห็นศักยภาพของจังหวัดขอนแก่น ด้วยความที่มีทำเลที่ตั้งอยู่บน จุดตัดของระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออกเฉียงเหนือ NeEC (Northeastern Economic Corridor และ EWEC (East-West Economic
    Corridor) เส้นทางเศรษฐกิจที่เชื่อมโยงเวียดนาม ลาว ไทย และเมียนมา เพื่อเชื่อมต่อระหว่างทะเลจีนใต้กับทะเลอันดามัน อีกทั้งรายได้ของโครงการไม่ได้มาจากค่าโดยสารเพียงอย่างเดียว แต่ยังมีรายได้จากการพัฒนาพื้นที่รอบสถานี
    (TOD) ระบบขนส่งเชื่ อมต่อ (Feeder) รถโดยสารไฟฟ้า (BUS EV) การโฆษณา และตั๋วโดยสารแบบเดียวกัน (One Ticket) ซึ่งสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจได้อีกมาก นักลงทุนจึงเห็นศักยภาพของขอนแก่นอย่างชัดเจน
  30. โครงการนี้คือจุดเริ่มต้นของสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่ารถไฟฟ้าหรือไม่ ?
    นี่ไม่ใช่เพียงโครงการรถราง แต่เป็น “การเปลี่ยนวิธีคิดของประเทศ” ที่แสดงให้เห็นว่าคนต่างจังหวัดก็สามารถคิดใหญ่ ลงมือทำ และประสบความสำเร็จได้จริง ขอนแก่นกำลังเขียนประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของไทย ที่เริ่มต้น จากพลังและหัวใจของคนท้องถิ่น